กรณีศึกษาการทำตลาดบนโลกออนไลน์
ถามกันนักว่าร้านค้าขนาดเล็กจะทำการตลาดอย่างไรบนโลกออนไลน์ ต่อไปนี้คือกรณีศึกษาจาก "เจ๊กเม้ง" ก๋วยเตี๋ยวเนื้อต้นตำรับเพชรบุรีที่เชื่อว่าจะทำให้คุณมีไอเดียต่อยอดร้านค้าของคุณเองโดยไม่ต้องเสียเงินจ้างใครโฆษณา
***ร้านก๋วยเตี๋ยวก็ใช้ Social Media ทำเงินได้
(บทความโดย ธีรศานต์ สหัสสพาศน์ เจ๊กเม้ง ก๋วยเตี๋ยวเนื้อต้นตำรับเพชรบุรี - @iczz)
ทุกวันนี้ หลายท่านจะได้ยินและเห็นคำว่า Social Media วนเวียนอยู่รอบตัวเต็มไปหมด มันคืออะไร และเราจะนำมาประยุกต์ ใช้กับธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ให้กับธุรกิจเราได้อย่างไร วันนี้ผมมีคำตอบมาฝากทุกท่านครับ
โดยเริ่มที่ Concept ของ เจ๊กเม้ง ก๋วยเตี๋ยวเนื้อต้นตำรับเพชรบุรี ในการทำการตลาดผ่านทาง Social Media คือ Jekmeng Noodle Everywhere ซึ่งไอเดียและแนวคิดนี้ ผมได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2008 ที่ Barack Obama ได้มีการนำ Facebook และ Social Media ต่างๆ เข้ามาช่วยในการรณรงค์หาเสียง จนได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น และส่งผลให้เป็นการจุดพลุให้เกิดการนำ Social Media ต่างๆ เข้ามาประยุกต์กับธุรกิจต่างๆมากมาย
แน่นอนว่าท่านผู้อ่าน คงมีคำถามในใจว่า แล้วธุรกิจ SME อย่างเราๆ จะนำสื่อ Social Media มาใช้ให้เกิด Impact และ ได้รับผลตอบรับ ได้อย่างบุคคลที่มีอิทธิพลหรือธุรกิจใหญ่ๆที่มีฐานมวลชนหรือลูกค้า มีความภักดีใน แบรนด์ ได้อย่างไรดังนั้นผมจะขอแนะนำเครื่องมือต่างๆ ใน Social Media พร้อมกับอธิบายหน้าที่ และลักษณะเด่น ผ่านกรณีศึกษาของ เจ๊กเม้ง ก๋วยเตี๋ยวเนื้อต้นตำรับเพชรบุรี ให้ท่านได้เห็นภาพมากขึ้น ดังนี้
1.Facebook.com
ท่านทราบหรือไม่ว่า ทุกวันนี้ Facebook มีผู้ใช้เมื่อเปรียบเทียบเป็นประชากรมากถึง 500 ล้านคน เป็นรองเพียงประเทศจีน และอินเดีย และยิ่งกว่านั้น ผู้ใช้ Facebook ในประเทศไทยนั้นมีมากถึง 4.6 ล้านคน คิดเป็น 3.22% ของประชากรในประเทศ ซึ่งกลุ่มผู้ใช้ Facebook ประเทศไทย สะท้อนถึงกลุ่มคนที่มีศักยภาพทั้งในแง่รายได้และการใช้ชีวิต ดังนั้น Facebook จึงเสมือนประตูให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้น แต่เพียงว่าต้องมีการวางแผน วิธีการนำเสนอ การกระตุ้น เพื่อให้เกิดการซื้อเพียงเท่านั้นเอง ผมขอยกตัวอย่างวิธีการง่ายๆ ของ www.facebook.com/JekmengNoodle ดังนี้
การโพสภาพอาหาร สำหรับ เจ๊กเม้ง นั้น จะโพส โดยมีช่วงเวลา 11.00-12.15 น. ในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เพราะเป็นช่วงเวลาใกล้พักเที่ยงของคนทำงาน จะเป็นช่วงเวลาที่คนจะเริ่มหยิบโทรศัพท์และเข้ามาใน Facebook เพื่อเช็คสถานะต่างๆ ส่วนในวันเสาร์-อาทิตย์ จะโพสในช่วง 9.00-10.00 น. ซึ่งช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงที่คนที่มาท่องเที่ยวอยู่ระหว่างทางมาชะอำหรือหัวหิน หรืออีกด้านจะเป็นช่วงเวลาที่เพิ่งตื่นนอน โดยส่วนใหญ่จะนิยมเข้ามาเช็คความเคลื่อนไหวต่างๆของเพื่อนใน Facebook ในการเลือกช่วงเวลานั้นจะมีผลต่อการตอบโต้ของลูกค้า จะทำให้เราสามารถอยู่ในหน้า News Feed ได้ง่ายขึ้น
การโพส ภาพลูกค้า วิธีนี้จะเป็นวิธีที่เราสามารถสร้างความผูกพันกับลูกค้าได้ง่ายมากขึ้น ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นคนพิเศษ โดยส่วนใหญ่รูปของลูกค้าที่ถ่ายในร้านนั้นจะส่งภาพมาให้เราทั้งทาง BB Twitter หรือนำมาโพส เองทาง Facebook และภาพที่ลูกค้าส่งมานั้นเราสามารถติดแท๊กกลับไปที่ลูกค้าซึ่งจะเป็นการ PR ให้กับเราในทางอ้อมได้อีกด้วย แต่จุดนี้ต้องพึงระวัง เราควรที่จะขออนุญาตลูกค้าก่อนว่าทางลูกค้ายินยอมหรือไม่ มิฉะนั้นจะเป็นผลเสียกับทางเราเอง เพราะจะเป็นการรบกวนลูกค้า
Event วิธีนี้จะทำเมื่อทางร้านได้มีการจัดกิจกรรมออกร้านนอกสถานที่ เช่น การไปเปิดร้านชั่วคราวตามเทศกาลอาหารต่างๆ หรือ งานแสดงสินค้า เป็นการเชิญชวน Fan Page ให้ทราบถึงรายละเอียดกิจกรรม ตำแหน่งของบูธเจ๊กเม้งในสถานที่จัดงาน ซึ่งจะทำให้เราทราบเสียงตอบรับเบื้องต้นว่ามีเสียงตอบรับมากน้อยอย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดเตรียมได้รอบครอบมากยิ่งขึ้น และทราบความต้องการเบื้องต้นของลูกค้าว่าอยากได้สิ่งไหนเป็นพิเศษ
จาก 3 ตัวอย่างข้างต้นนั้น ท่านผู้อ่านสามารถนำไปปฏิบัติได้ทันที แต่ควรต้องมีความต่อเนื่อง สม่ำเสมอ เพื่อให้ Fan page เกิดความสนใจและติดตามเราอย่างต่อเนื่อง เพราะจากสิ่งที่ทำตรงนี้ จะเป็นการสร้างความซึมซับในแบรนด์ ในระยะยาว
และนอกจากนี้เรายังสามารถเพิ่มยอดขายได้ทันทีจาก facebook โดยการเล่าเรื่องราวเพื่อเพิ่มมูลค่าผ่านตัวผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น วันหนึ่งหลังจากผมได้เข้าอบรม โครงการ Add Value กับ TCDC เกี่ยวกับการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ด้วยความคิดสร้างสรรค์ ทำให้นอนฝันว่าคิดเมนูใหม่ขึ้นมาได้ โดยนำเมนูเดิมที่ร้าน ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้งน้ำข้นกับข้าวไข่ข้นแฮมมารวมกัน เป็น ”ข้าวไข่ข้นซอสต้มยำกุ้ง” โดยเขียนเรื่องราว ถ่ายภาพขั้นตอนการทำต่างๆ ทั้งหมด และบันทึกไว้ที่ Memo ใน Page Jekmeng Noodle และเมนูนี้ได้สร้างปรากฎการณ์ที่ไม่น่าเชื่อ มีการกดแบ่งบัน กระจายต่อไปมากมาย และในเย็นวันเดี๋ยวกันก็มีลูกค้า Print หน้า Memo มาสั่งเมนูนี้ทันที ภายในเดือนแรก เมนู “ข้าวไข่ข้นซอสต้มยำกุ้ง” ขายได้ไป ไม่ต่ำกว่า 300 จาน และใน 3 เดือนที่ผ่านมา สามารถทำยอดได้ถึง 1,500 จาน โดยที่ไม่มีรายละเอียดเมนูนี้อยู่ที่ร้าน จะมีเพียงแต่ที่ Facebook ที่เดียวเท่านั้น (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ บันทึก”ข้าวไข่ข้นซอสต้มยำกุ้ง เมนูนี้ได้มาจากฝัน”
http://www.facebook.com/note.php?note_id=429818306868 )
2.Twitter.com
ใน Twitter นั้น ท่านผู้อ่านสามารถนำมาประยุกต์ เพื่อเป็นช่องทางในการเชื่อมโยง Social Media ต่างๆ ไว้ด้วยกัน ซึ่ง Twitter นั้นจะมีจะมีประสิทธิภาพมากกว่า Facebook ในแง่การพูดคุยจะเกิดขึ้นในเวลาที่เกิดขึ้นจริง ณ ขณะนั้น ทำให้ดูมีชีวิตมากกว่า อาทิ ช่วงเวลาใกล้เที่ยง ทางเจ๊กเม้ง จะมีโพสแนะนำเมนู อาหารพร้อมกับแนบภาพถ่ายไปด้วย และเมื่อ Follower ถูกใจในสิ่งที่เราโพส ก็จะมีการตอบโต้กลับมาว่า “น่าทานจัง” “ไว้จะแวะมาทาน” หรือมีการสั่งอาหารผ่านการบริการเดลิเวอรี่ของเราทันที เป็นต้น หรือจะมีการ RT ต่อให้ ซึ่งจะเป็นการทำ PR ให้กับเราทางอ้อม โดยค่าเฉลี่ยผู้ที่ RT ต่อให้เราอยู่ที่ 16 ท่าน และในแต่ละท่านมี Follower เฉลี่ยที่ 200 คน ดังนั้นจะเป็นการ สร้างการบอกต่อไปถึง (1183 Follower ของเรา +(16x200)) = 4,383 ท่าน ในช่วงเวลาสั้นๆ และหากคิดตามหลักความเป็นจริงที่ในช่วงเวลานั้นมีคนเล่นอยู่ที่ 50% จำนวนคนที่เห็นก็อยู่ที่ 2,191.5 ท่าน
และเทคนิคในการโพสนั้น เราควรใช้คำที่กระตุ้นและสามารถดึงดูดความสนใจได้ มีเนื้อหาที่กระชับ แต่ไม่ควรยาวถึง 140 ตัวอักษร ต้องมีเหลือพื้นที่เหลือให้ผู้ที่สนใจ RT ใส่ความเห็นเพิ่มเติมต่อได้ด้วย จำนวนคำรวมรูปภาพที่เหมาะสม ควรอยู่ที่ 100-120 ตัวอักษร
นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้ Twitter ในการทำ Promotion ได้ เช่น เมื่อแสดง Twitter ที่ Follow @iczz รับน้ำผลไม้ทันทีได้ 1 ขวด เมื่อมาทานที่ เจ๊กเม้ง โดยวิธีนี้ยังเป็นการสร้างฐานให้ลูกค้าที่มาที่ร้านติดตามเราได้อีกทางหนึ่ง หรือหากมีคนที่เข้ามา Follow ใหม่ เราก็สามารถส่ง DM ไปทักทายหรือแนะนำตัว มอบสิทธิพิเศษให้แทนคำขอบคุณ ซึ่งวิธีนี้จะเป็นโอกาสให้เรามีเรื่องพูดคุยกันมากขึ้น และเมื่อเราทวิตข้อความอะไรออกไป ก็จะทำให้รู้สึกว่าเรากับผู้มา Follow คุยอยู่ในเรื่องเดียวกัน ทำให้เกิดการ RT ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
3. Foursquare
ทุกวันนี้ โทรศัพท์มือถือรูปแบบ Smart Phone มียอดเติบโตสูงมากในกลุ่มวัยรุ่นถึงกลุ่มคนทำงาน และกลุ่มคนดังกล่าว มีพฤติกรรมที่นิยมการแบ่งบัน บอกเล่าเรื่องราวของตนเอง ว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ ซึ่งส่งผลให้ "Location-Based Social Network" เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน ดังนั้น ในธุรกิจต่างๆ สามารถที่จะใช่พฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ เอื้อเข้ากับธุรกิจได้เช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น ทางร้านมีการทำ Promotion ในแคมเปญ Foursquare คือเมื่อ Check In ที่ เจ๊กเม้ง ก๋วยเตี๋ยวเนื้อต้นตำรับเพชรบุรี ผ่าน Foursquare จะได้รับน้ำผลไม้สด หรือ ของหวาน ฟรี 1 ชนิด โดยวิธีนี้ เป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าทำการ Check In เพื่อสร้างการแบ่งปันข้อมูลผ่านทาง Facebook และ Twitter โดยเฉลี่ยนั้น คนไทยจะมีเพื่อนอยู่ใน Facebook อยู่ที่ 300 ท่าน และ Twitter อยู่ที่ 150-200 ท่าน ดังนั้นเมื่อ ลูกค้าทำการ Check In 1 ครั้ง ทางร้านสามารถสร้างกระแสการบอกต่อไปถึง 500 ท่าน ในเวลาอันสั้นได้เลยทีเดียว
4. Youtube.com
ธุรกิจต่างๆทุกวันนี้สามารถมีช่อง (Channel) ส่วนตัว โดยที่ไม่ต้องไปง้อ Free TV หรือ Cable TV เพียงแต่เราต้องรู้จักวิธีสร้างช่องทางและสร้างเนื้อหา ใส่เข้าไปให้เหมาะสมกับธุรกิจเท่านั้น โดยทางเจ๊กเม้ง จะมีการจัดทำ VTR เมนูอาหารต่างๆ Upload ขึ้น youtube เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นภาพอาหารของจริง รวมถึงภาพบรรยากาศของร้าน และยังมีภาพลูกค้าที่ถ่ายที่เจ๊กเม้ง คลิปวิดีโอของทางลูกค้าที่จัดส่งมาให้เราในช่องทางต่างๆ ทำเป็น VTR Upload อย่างสม่ำเสมอ
ผลตอบรับจาก Channel JekmengNoodle บน Youtube นั้น ช่วยให้เราทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น ประหยัดเวลาในการส่งข้อมูล เมื่อทำการติดต่อประสานงานกับกรุ๊ปทัวร์ และบริษัทต่างๆ ที่ติดต่อเข้ามาจัดเลี้ยงภายในร้านและนอกสถานที่ ที่ต้องการเห็นภาพและบรรยากาศของร้านเพื่อนำไปเสนอในที่ประชุม อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานการบริการ คุณภาพของอาหาร หลังจากได้ชมภาพอาหาร บรรยากาศของร้าน ลูกค้าที่เข้ามาทานที่ร้าน ที่สำคัญคือส่งผลทำให้ตัดสินใจเลือกเจ๊กเม้งทันที
5. Flickr.com/JekmengNoodle
สำหรับ Flickr นั้น เป็น Website ที่ใช้ในการแบ่งบันรูปภาพ และยังเป็นการช่วยทำ SEO ให้กับธุรกิจได้ สามารถช่วยทำให้ค้นหาพบได้ง่ายมากขึ้นใน Google โดย Flickr จะมีช่อง Tag ให้เรากรอก Key Word เพื่อช่วยในการค้นหา ดังนั้น จากคำกล่าวที่ว่า “ภาพ 1 ภาพ แทนคำบรรยายกว่าพันคำ” Flickr สามารถอธิบายความหมายได้แทนคุณ เพราะจากพฤติกรรมของวัยรุ่นปัจจุบัน นอกจากที่จะชอบถ่ายภาพแล้ว ยังมีการสรรหาภาพที่น่าทานเพื่อจับกลุ่มตระเวนชิม รวมถึงภาพจาก Flickr นั้นยังเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์เมนูอาหารทางอ้อมให้กับทางร้าน เมื่อมี สื่อต่างๆ หรือ นักศึกษา ที่ต้องการนำเรื่องราวของเราไปนำเสนอ ก็สามารถนำภาพจากตรงนี้ไปใช้ได้ โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Brand เรา
นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีการ Mark ตำแหน่งของธุรกิจ ใน Google Map , GPS แสดงการนำทางจากรถยนต์, การใช้ QR Code ในการเชื่อมโยงจากผลิตภัณฑ์ เข้าถึง Social Media ต่างๆ, การใช้ BB Pin หรือ Black Berry Messenger ในการติดต่อ สำรองที่นั่ง สอบถามรายละเอียดของลูกค้า , SMS เชื่อมโยงกับฐานข้อมูลลูกค้ากว่า 4,000 รายที่จัดทำผ่าน Google เพื่อส่งข้อความ Happy Birth day , การจัดทำแบบสอบถามเพื่อประเมินคุณภาพต่างๆ ของร้าน ผ่านทาง Google Doc เพื่อทำข้อมูลมาพัฒนาปรับปรุงมาตรฐานการทำงานให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง , การใช้ issue.com/JekmengNoodle เพื่อให้ลูกค้าสามารถ Download เมนูร้าน โบว์ชัวร์ฉบับใหม่ๆของร้านได้ง่ายมากขึ้น และอื่นๆอีกมากมาย
ผลตอบรับทางด้านยอดขายนั้น หลังจากที่ทางเจ๊กเม้งได้นำ Social Media มาใช้ สามารถทำให้ยอดขายทางร้านขึ้นสูงกว่า 400% ซึ่งในอดีตนั้น ยอดขายอยู่ที่5-6 พันบาทต่อวัน เพิ่มขึ้นเป็น 2-3 หมื่นบาทต่อวัน ในช่วง Weekday (จันทร์-พฤหัสบดี) และ 4-5 หมื่นบาทต่อวัน ในช่วง Weekend (ศุกร์-อาทิตย์) และถึงหลักแสนบาทต่อวัน ในช่วง Long Weekend ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นมานั้น เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายต่อหัวที่เพิ่มมาขึ้น โดยการโพสภาพอาหารต่างๆของทางร้านผ่าน Social Media ทำให้ลูกค้าเดิมมีการสั่งเมนูใหม่มากขึ้น และเป็นการดึงดูดกลุ่มที่ยังไม่เป็นลูกค้าให้เข้ามาทดลองทานอาหารที่ร้าน รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากบริการใหม่ของทางร้าน อาทิ เดลิเวอรี่ภายในจังหวัดเพชรบุรี เดลิเวอรี่ส่งตรงจากเพชรบุรีถึงกรุงเทพใน 2 ชม.ครึ่ง บริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ บริการจัดชุดของว่าง บริการจัดเลี้ยงที่รองรับกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งลูกค้าสามารถเข้ามาชมภาพตัวอย่างอาหาร บรรยากาศของร้าน และบริการต่างๆ รวมถึงสั่งอาหารของเราผ่านช่องทาง Social Media ของเราได้ทันที และยังเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจเลือกใช้บริการเราเป็นอันดับต้นๆได้อีกทางหนึ่งและสิ่งที่เจ้าของธุรกิจต้องพึงระวังเมื่อท่านได้นำธุรกิจของท่านเข้ามาใน Social Media นั้นก็คือ ความถูกต้องของข้อมูล ท่านต้องเขียนข้อมูลที่มีความเป็นจริง อย่าโกหก ภาพถ่ายที่โพสลงไปกับกับสินค้าที่ขายในร้านต้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน มิฉะนั้นแล้ว ผลดีที่ท่านคาดหวังจะได้รับจะแปรสภาพเป็นผลร้ายทันที และอาจจะเป็นผลร้ายที่ท่านคาดไม่ถึงอีกสิ่งที่ท่านต้องพบเมื่อท่านได้นำ Social Media มาใช้ก็คือ จะมีคู่แข่งเข้ามาเลียนแบบ วิธีการ การทำตลาด ตลอดจนถึงตัวผลิตภัณฑ์ ถือเป็นเรื่องปกติที่ท่านต้องพบ ท่านอาจจะหงุดหงิดไปบ้าง แต่ท่านต้องคิดใหม่เสียว่า ท่านเป็นผู้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาด และยกระดับมาตรฐานตลาดให้สูงขึ้น ส่งผลดีกับลูกค้าโดยตรง ถึงเวลานั้น ท่านจะพบจุดเด่นของธุรกิจของท่านเอง และลูกค้าจะเลือกจดจำเพียงแต่เบอร์หนึ่งเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจท่านในระยะยาว ให้ท่านเป็นองค์กรที่มีการพัฒนา และปรับตัวตลอดเวลา
นอกเหนือจากนี้ก็อาจจะมีเสียงวิจารณ์เข้ามา ทั้งในแง่ดีและแง่ร้าย ซึ่งรับรองได้ว่า เมื่อท่านได้เห็นหรือได้อ่านแง่ร้าย ท่านจะไม่สบายใจ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องอ่าน อ่านเพื่อนำมาคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ว่าท่านเป็นจริงดังความเห็นนั้นหรือไม่ แน่นอนว่า ท่านไม่สามารถตอบสนองความต้องการของทุกคนได้ในเวลาเดียวกัน แต่ท่านต้องดูว่าลูกค้าส่วนใหญ่ คิดเช่นนั้นหรือไม่ ถ้าไม่ ท่านอย่าเสียเวลาเสียใจจนทำให้ไฟในตัวท่านมอดลง เพราะบางครั้งอาจจะเป็นความเห็นของคู่แข่ง ผู้คิดไม่หวังดี หรือกลุ่มที่ต้องการผสมโรงโดยที่ยังไม่เคยใช้บริการของท่าน ต้องการให้ท่านปั่นป่วน ไขว้เขว ก็เป็นได้ แต่สำหรับความคิดเห็นที่ท่านเห็นว่าเป็นข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นจริง ท่านต้องยอมรับ นำมาแก้ไขทันที และแจ้งกลับไปยังเจ้าของความคิดเห็นนั้น ว่าได้ปรับปรุง แก้ไขแล้ว และได้ผลดังนี้ ดังนั้นจากความคิดเห็นในแง่ลบนั้นก็สามารถทำให้ท่านเกิดการพัฒนา ปรับปรุง ให้ดีขึ้นได้ตามที่ลูกค้าหลักของท่านคาดหวังได้เช่นกัน
จากตัวอย่างข้างต้นที่ผมได้นำเสนอ หวังว่าจะสามารถสร้าง Idea และแรงบันดาลใจ ให้ท่านผู้อ่านได้นำไปต่อยอดธุรกิจของท่านได้ เพียงแค่ท่านนำไปคิดต่อ จัดเตรียมข้อมูล วางแผน เชื่อมโยง เครื่องมือต่างๆ ใน Social Media ให้เหมาะสมกับธุรกิจของท่าน แล้วลงมือปฏิบัติทันที เพียงเท่านี้ ท่านก็จะพบว่า เมื่อ Social Media เกื้อหนุนกัน จะช่วยให้ธุรกิจของท่านอยู่ในสายตาลูกค้ามากขึ้น สามารถสร้างรายได้ให้ท่านได้อย่างมหาศาลแบบที่ท่านคิดไม่ถึง ขอเพียงแค่คิดแล้วต้องลงมือทำทันที อย่ารอเวลา!!!
ถามกันนักว่าร้านค้าขนาดเล็กจะทำการตลาดอย่างไรบนโลกออนไลน์ ต่อไปนี้คือกรณีศึกษาจาก "เจ๊กเม้ง" ก๋วยเตี๋ยวเนื้อต้นตำรับเพชรบุรีที่เชื่อว่าจะทำให้คุณมีไอเดียต่อยอดร้านค้าของคุณเองโดยไม่ต้องเสียเงินจ้างใครโฆษณา
***ร้านก๋วยเตี๋ยวก็ใช้ Social Media ทำเงินได้
(บทความโดย ธีรศานต์ สหัสสพาศน์ เจ๊กเม้ง ก๋วยเตี๋ยวเนื้อต้นตำรับเพชรบุรี - @iczz)
ทุกวันนี้ หลายท่านจะได้ยินและเห็นคำว่า Social Media วนเวียนอยู่รอบตัวเต็มไปหมด มันคืออะไร และเราจะนำมาประยุกต์ ใช้กับธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ให้กับธุรกิจเราได้อย่างไร วันนี้ผมมีคำตอบมาฝากทุกท่านครับ
โดยเริ่มที่ Concept ของ เจ๊กเม้ง ก๋วยเตี๋ยวเนื้อต้นตำรับเพชรบุรี ในการทำการตลาดผ่านทาง Social Media คือ Jekmeng Noodle Everywhere ซึ่งไอเดียและแนวคิดนี้ ผมได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2008 ที่ Barack Obama ได้มีการนำ Facebook และ Social Media ต่างๆ เข้ามาช่วยในการรณรงค์หาเสียง จนได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น และส่งผลให้เป็นการจุดพลุให้เกิดการนำ Social Media ต่างๆ เข้ามาประยุกต์กับธุรกิจต่างๆมากมาย
แน่นอนว่าท่านผู้อ่าน คงมีคำถามในใจว่า แล้วธุรกิจ SME อย่างเราๆ จะนำสื่อ Social Media มาใช้ให้เกิด Impact และ ได้รับผลตอบรับ ได้อย่างบุคคลที่มีอิทธิพลหรือธุรกิจใหญ่ๆที่มีฐานมวลชนหรือลูกค้า มีความภักดีใน แบรนด์ ได้อย่างไรดังนั้นผมจะขอแนะนำเครื่องมือต่างๆ ใน Social Media พร้อมกับอธิบายหน้าที่ และลักษณะเด่น ผ่านกรณีศึกษาของ เจ๊กเม้ง ก๋วยเตี๋ยวเนื้อต้นตำรับเพชรบุรี ให้ท่านได้เห็นภาพมากขึ้น ดังนี้
1.Facebook.com
ท่านทราบหรือไม่ว่า ทุกวันนี้ Facebook มีผู้ใช้เมื่อเปรียบเทียบเป็นประชากรมากถึง 500 ล้านคน เป็นรองเพียงประเทศจีน และอินเดีย และยิ่งกว่านั้น ผู้ใช้ Facebook ในประเทศไทยนั้นมีมากถึง 4.6 ล้านคน คิดเป็น 3.22% ของประชากรในประเทศ ซึ่งกลุ่มผู้ใช้ Facebook ประเทศไทย สะท้อนถึงกลุ่มคนที่มีศักยภาพทั้งในแง่รายได้และการใช้ชีวิต ดังนั้น Facebook จึงเสมือนประตูให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้น แต่เพียงว่าต้องมีการวางแผน วิธีการนำเสนอ การกระตุ้น เพื่อให้เกิดการซื้อเพียงเท่านั้นเอง ผมขอยกตัวอย่างวิธีการง่ายๆ ของ www.facebook.com/JekmengNoodle ดังนี้
การโพสภาพอาหาร สำหรับ เจ๊กเม้ง นั้น จะโพส โดยมีช่วงเวลา 11.00-12.15 น. ในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เพราะเป็นช่วงเวลาใกล้พักเที่ยงของคนทำงาน จะเป็นช่วงเวลาที่คนจะเริ่มหยิบโทรศัพท์และเข้ามาใน Facebook เพื่อเช็คสถานะต่างๆ ส่วนในวันเสาร์-อาทิตย์ จะโพสในช่วง 9.00-10.00 น. ซึ่งช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงที่คนที่มาท่องเที่ยวอยู่ระหว่างทางมาชะอำหรือหัวหิน หรืออีกด้านจะเป็นช่วงเวลาที่เพิ่งตื่นนอน โดยส่วนใหญ่จะนิยมเข้ามาเช็คความเคลื่อนไหวต่างๆของเพื่อนใน Facebook ในการเลือกช่วงเวลานั้นจะมีผลต่อการตอบโต้ของลูกค้า จะทำให้เราสามารถอยู่ในหน้า News Feed ได้ง่ายขึ้น
การโพส ภาพลูกค้า วิธีนี้จะเป็นวิธีที่เราสามารถสร้างความผูกพันกับลูกค้าได้ง่ายมากขึ้น ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นคนพิเศษ โดยส่วนใหญ่รูปของลูกค้าที่ถ่ายในร้านนั้นจะส่งภาพมาให้เราทั้งทาง BB Twitter หรือนำมาโพส เองทาง Facebook และภาพที่ลูกค้าส่งมานั้นเราสามารถติดแท๊กกลับไปที่ลูกค้าซึ่งจะเป็นการ PR ให้กับเราในทางอ้อมได้อีกด้วย แต่จุดนี้ต้องพึงระวัง เราควรที่จะขออนุญาตลูกค้าก่อนว่าทางลูกค้ายินยอมหรือไม่ มิฉะนั้นจะเป็นผลเสียกับทางเราเอง เพราะจะเป็นการรบกวนลูกค้า
Event วิธีนี้จะทำเมื่อทางร้านได้มีการจัดกิจกรรมออกร้านนอกสถานที่ เช่น การไปเปิดร้านชั่วคราวตามเทศกาลอาหารต่างๆ หรือ งานแสดงสินค้า เป็นการเชิญชวน Fan Page ให้ทราบถึงรายละเอียดกิจกรรม ตำแหน่งของบูธเจ๊กเม้งในสถานที่จัดงาน ซึ่งจะทำให้เราทราบเสียงตอบรับเบื้องต้นว่ามีเสียงตอบรับมากน้อยอย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดเตรียมได้รอบครอบมากยิ่งขึ้น และทราบความต้องการเบื้องต้นของลูกค้าว่าอยากได้สิ่งไหนเป็นพิเศษ
จาก 3 ตัวอย่างข้างต้นนั้น ท่านผู้อ่านสามารถนำไปปฏิบัติได้ทันที แต่ควรต้องมีความต่อเนื่อง สม่ำเสมอ เพื่อให้ Fan page เกิดความสนใจและติดตามเราอย่างต่อเนื่อง เพราะจากสิ่งที่ทำตรงนี้ จะเป็นการสร้างความซึมซับในแบรนด์ ในระยะยาว
และนอกจากนี้เรายังสามารถเพิ่มยอดขายได้ทันทีจาก facebook โดยการเล่าเรื่องราวเพื่อเพิ่มมูลค่าผ่านตัวผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น วันหนึ่งหลังจากผมได้เข้าอบรม โครงการ Add Value กับ TCDC เกี่ยวกับการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ด้วยความคิดสร้างสรรค์ ทำให้นอนฝันว่าคิดเมนูใหม่ขึ้นมาได้ โดยนำเมนูเดิมที่ร้าน ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้งน้ำข้นกับข้าวไข่ข้นแฮมมารวมกัน เป็น ”ข้าวไข่ข้นซอสต้มยำกุ้ง” โดยเขียนเรื่องราว ถ่ายภาพขั้นตอนการทำต่างๆ ทั้งหมด และบันทึกไว้ที่ Memo ใน Page Jekmeng Noodle และเมนูนี้ได้สร้างปรากฎการณ์ที่ไม่น่าเชื่อ มีการกดแบ่งบัน กระจายต่อไปมากมาย และในเย็นวันเดี๋ยวกันก็มีลูกค้า Print หน้า Memo มาสั่งเมนูนี้ทันที ภายในเดือนแรก เมนู “ข้าวไข่ข้นซอสต้มยำกุ้ง” ขายได้ไป ไม่ต่ำกว่า 300 จาน และใน 3 เดือนที่ผ่านมา สามารถทำยอดได้ถึง 1,500 จาน โดยที่ไม่มีรายละเอียดเมนูนี้อยู่ที่ร้าน จะมีเพียงแต่ที่ Facebook ที่เดียวเท่านั้น (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ บันทึก”ข้าวไข่ข้นซอสต้มยำกุ้ง เมนูนี้ได้มาจากฝัน”
http://www.facebook.com/note.php?note_id=429818306868 )
2.Twitter.com
ใน Twitter นั้น ท่านผู้อ่านสามารถนำมาประยุกต์ เพื่อเป็นช่องทางในการเชื่อมโยง Social Media ต่างๆ ไว้ด้วยกัน ซึ่ง Twitter นั้นจะมีจะมีประสิทธิภาพมากกว่า Facebook ในแง่การพูดคุยจะเกิดขึ้นในเวลาที่เกิดขึ้นจริง ณ ขณะนั้น ทำให้ดูมีชีวิตมากกว่า อาทิ ช่วงเวลาใกล้เที่ยง ทางเจ๊กเม้ง จะมีโพสแนะนำเมนู อาหารพร้อมกับแนบภาพถ่ายไปด้วย และเมื่อ Follower ถูกใจในสิ่งที่เราโพส ก็จะมีการตอบโต้กลับมาว่า “น่าทานจัง” “ไว้จะแวะมาทาน” หรือมีการสั่งอาหารผ่านการบริการเดลิเวอรี่ของเราทันที เป็นต้น หรือจะมีการ RT ต่อให้ ซึ่งจะเป็นการทำ PR ให้กับเราทางอ้อม โดยค่าเฉลี่ยผู้ที่ RT ต่อให้เราอยู่ที่ 16 ท่าน และในแต่ละท่านมี Follower เฉลี่ยที่ 200 คน ดังนั้นจะเป็นการ สร้างการบอกต่อไปถึง (1183 Follower ของเรา +(16x200)) = 4,383 ท่าน ในช่วงเวลาสั้นๆ และหากคิดตามหลักความเป็นจริงที่ในช่วงเวลานั้นมีคนเล่นอยู่ที่ 50% จำนวนคนที่เห็นก็อยู่ที่ 2,191.5 ท่าน
และเทคนิคในการโพสนั้น เราควรใช้คำที่กระตุ้นและสามารถดึงดูดความสนใจได้ มีเนื้อหาที่กระชับ แต่ไม่ควรยาวถึง 140 ตัวอักษร ต้องมีเหลือพื้นที่เหลือให้ผู้ที่สนใจ RT ใส่ความเห็นเพิ่มเติมต่อได้ด้วย จำนวนคำรวมรูปภาพที่เหมาะสม ควรอยู่ที่ 100-120 ตัวอักษร
นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้ Twitter ในการทำ Promotion ได้ เช่น เมื่อแสดง Twitter ที่ Follow @iczz รับน้ำผลไม้ทันทีได้ 1 ขวด เมื่อมาทานที่ เจ๊กเม้ง โดยวิธีนี้ยังเป็นการสร้างฐานให้ลูกค้าที่มาที่ร้านติดตามเราได้อีกทางหนึ่ง หรือหากมีคนที่เข้ามา Follow ใหม่ เราก็สามารถส่ง DM ไปทักทายหรือแนะนำตัว มอบสิทธิพิเศษให้แทนคำขอบคุณ ซึ่งวิธีนี้จะเป็นโอกาสให้เรามีเรื่องพูดคุยกันมากขึ้น และเมื่อเราทวิตข้อความอะไรออกไป ก็จะทำให้รู้สึกว่าเรากับผู้มา Follow คุยอยู่ในเรื่องเดียวกัน ทำให้เกิดการ RT ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
3. Foursquare
ทุกวันนี้ โทรศัพท์มือถือรูปแบบ Smart Phone มียอดเติบโตสูงมากในกลุ่มวัยรุ่นถึงกลุ่มคนทำงาน และกลุ่มคนดังกล่าว มีพฤติกรรมที่นิยมการแบ่งบัน บอกเล่าเรื่องราวของตนเอง ว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ ซึ่งส่งผลให้ "Location-Based Social Network" เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน ดังนั้น ในธุรกิจต่างๆ สามารถที่จะใช่พฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ เอื้อเข้ากับธุรกิจได้เช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น ทางร้านมีการทำ Promotion ในแคมเปญ Foursquare คือเมื่อ Check In ที่ เจ๊กเม้ง ก๋วยเตี๋ยวเนื้อต้นตำรับเพชรบุรี ผ่าน Foursquare จะได้รับน้ำผลไม้สด หรือ ของหวาน ฟรี 1 ชนิด โดยวิธีนี้ เป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าทำการ Check In เพื่อสร้างการแบ่งปันข้อมูลผ่านทาง Facebook และ Twitter โดยเฉลี่ยนั้น คนไทยจะมีเพื่อนอยู่ใน Facebook อยู่ที่ 300 ท่าน และ Twitter อยู่ที่ 150-200 ท่าน ดังนั้นเมื่อ ลูกค้าทำการ Check In 1 ครั้ง ทางร้านสามารถสร้างกระแสการบอกต่อไปถึง 500 ท่าน ในเวลาอันสั้นได้เลยทีเดียว
4. Youtube.com
ธุรกิจต่างๆทุกวันนี้สามารถมีช่อง (Channel) ส่วนตัว โดยที่ไม่ต้องไปง้อ Free TV หรือ Cable TV เพียงแต่เราต้องรู้จักวิธีสร้างช่องทางและสร้างเนื้อหา ใส่เข้าไปให้เหมาะสมกับธุรกิจเท่านั้น โดยทางเจ๊กเม้ง จะมีการจัดทำ VTR เมนูอาหารต่างๆ Upload ขึ้น youtube เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นภาพอาหารของจริง รวมถึงภาพบรรยากาศของร้าน และยังมีภาพลูกค้าที่ถ่ายที่เจ๊กเม้ง คลิปวิดีโอของทางลูกค้าที่จัดส่งมาให้เราในช่องทางต่างๆ ทำเป็น VTR Upload อย่างสม่ำเสมอ
ผลตอบรับจาก Channel JekmengNoodle บน Youtube นั้น ช่วยให้เราทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น ประหยัดเวลาในการส่งข้อมูล เมื่อทำการติดต่อประสานงานกับกรุ๊ปทัวร์ และบริษัทต่างๆ ที่ติดต่อเข้ามาจัดเลี้ยงภายในร้านและนอกสถานที่ ที่ต้องการเห็นภาพและบรรยากาศของร้านเพื่อนำไปเสนอในที่ประชุม อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานการบริการ คุณภาพของอาหาร หลังจากได้ชมภาพอาหาร บรรยากาศของร้าน ลูกค้าที่เข้ามาทานที่ร้าน ที่สำคัญคือส่งผลทำให้ตัดสินใจเลือกเจ๊กเม้งทันที
5. Flickr.com/JekmengNoodle
สำหรับ Flickr นั้น เป็น Website ที่ใช้ในการแบ่งบันรูปภาพ และยังเป็นการช่วยทำ SEO ให้กับธุรกิจได้ สามารถช่วยทำให้ค้นหาพบได้ง่ายมากขึ้นใน Google โดย Flickr จะมีช่อง Tag ให้เรากรอก Key Word เพื่อช่วยในการค้นหา ดังนั้น จากคำกล่าวที่ว่า “ภาพ 1 ภาพ แทนคำบรรยายกว่าพันคำ” Flickr สามารถอธิบายความหมายได้แทนคุณ เพราะจากพฤติกรรมของวัยรุ่นปัจจุบัน นอกจากที่จะชอบถ่ายภาพแล้ว ยังมีการสรรหาภาพที่น่าทานเพื่อจับกลุ่มตระเวนชิม รวมถึงภาพจาก Flickr นั้นยังเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์เมนูอาหารทางอ้อมให้กับทางร้าน เมื่อมี สื่อต่างๆ หรือ นักศึกษา ที่ต้องการนำเรื่องราวของเราไปนำเสนอ ก็สามารถนำภาพจากตรงนี้ไปใช้ได้ โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Brand เรา
นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีการ Mark ตำแหน่งของธุรกิจ ใน Google Map , GPS แสดงการนำทางจากรถยนต์, การใช้ QR Code ในการเชื่อมโยงจากผลิตภัณฑ์ เข้าถึง Social Media ต่างๆ, การใช้ BB Pin หรือ Black Berry Messenger ในการติดต่อ สำรองที่นั่ง สอบถามรายละเอียดของลูกค้า , SMS เชื่อมโยงกับฐานข้อมูลลูกค้ากว่า 4,000 รายที่จัดทำผ่าน Google เพื่อส่งข้อความ Happy Birth day , การจัดทำแบบสอบถามเพื่อประเมินคุณภาพต่างๆ ของร้าน ผ่านทาง Google Doc เพื่อทำข้อมูลมาพัฒนาปรับปรุงมาตรฐานการทำงานให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง , การใช้ issue.com/JekmengNoodle เพื่อให้ลูกค้าสามารถ Download เมนูร้าน โบว์ชัวร์ฉบับใหม่ๆของร้านได้ง่ายมากขึ้น และอื่นๆอีกมากมาย
ผลตอบรับทางด้านยอดขายนั้น หลังจากที่ทางเจ๊กเม้งได้นำ Social Media มาใช้ สามารถทำให้ยอดขายทางร้านขึ้นสูงกว่า 400% ซึ่งในอดีตนั้น ยอดขายอยู่ที่5-6 พันบาทต่อวัน เพิ่มขึ้นเป็น 2-3 หมื่นบาทต่อวัน ในช่วง Weekday (จันทร์-พฤหัสบดี) และ 4-5 หมื่นบาทต่อวัน ในช่วง Weekend (ศุกร์-อาทิตย์) และถึงหลักแสนบาทต่อวัน ในช่วง Long Weekend ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นมานั้น เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายต่อหัวที่เพิ่มมาขึ้น โดยการโพสภาพอาหารต่างๆของทางร้านผ่าน Social Media ทำให้ลูกค้าเดิมมีการสั่งเมนูใหม่มากขึ้น และเป็นการดึงดูดกลุ่มที่ยังไม่เป็นลูกค้าให้เข้ามาทดลองทานอาหารที่ร้าน รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากบริการใหม่ของทางร้าน อาทิ เดลิเวอรี่ภายในจังหวัดเพชรบุรี เดลิเวอรี่ส่งตรงจากเพชรบุรีถึงกรุงเทพใน 2 ชม.ครึ่ง บริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ บริการจัดชุดของว่าง บริการจัดเลี้ยงที่รองรับกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งลูกค้าสามารถเข้ามาชมภาพตัวอย่างอาหาร บรรยากาศของร้าน และบริการต่างๆ รวมถึงสั่งอาหารของเราผ่านช่องทาง Social Media ของเราได้ทันที และยังเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจเลือกใช้บริการเราเป็นอันดับต้นๆได้อีกทางหนึ่งและสิ่งที่เจ้าของธุรกิจต้องพึงระวังเมื่อท่านได้นำธุรกิจของท่านเข้ามาใน Social Media นั้นก็คือ ความถูกต้องของข้อมูล ท่านต้องเขียนข้อมูลที่มีความเป็นจริง อย่าโกหก ภาพถ่ายที่โพสลงไปกับกับสินค้าที่ขายในร้านต้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน มิฉะนั้นแล้ว ผลดีที่ท่านคาดหวังจะได้รับจะแปรสภาพเป็นผลร้ายทันที และอาจจะเป็นผลร้ายที่ท่านคาดไม่ถึงอีกสิ่งที่ท่านต้องพบเมื่อท่านได้นำ Social Media มาใช้ก็คือ จะมีคู่แข่งเข้ามาเลียนแบบ วิธีการ การทำตลาด ตลอดจนถึงตัวผลิตภัณฑ์ ถือเป็นเรื่องปกติที่ท่านต้องพบ ท่านอาจจะหงุดหงิดไปบ้าง แต่ท่านต้องคิดใหม่เสียว่า ท่านเป็นผู้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาด และยกระดับมาตรฐานตลาดให้สูงขึ้น ส่งผลดีกับลูกค้าโดยตรง ถึงเวลานั้น ท่านจะพบจุดเด่นของธุรกิจของท่านเอง และลูกค้าจะเลือกจดจำเพียงแต่เบอร์หนึ่งเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจท่านในระยะยาว ให้ท่านเป็นองค์กรที่มีการพัฒนา และปรับตัวตลอดเวลา
นอกเหนือจากนี้ก็อาจจะมีเสียงวิจารณ์เข้ามา ทั้งในแง่ดีและแง่ร้าย ซึ่งรับรองได้ว่า เมื่อท่านได้เห็นหรือได้อ่านแง่ร้าย ท่านจะไม่สบายใจ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องอ่าน อ่านเพื่อนำมาคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ว่าท่านเป็นจริงดังความเห็นนั้นหรือไม่ แน่นอนว่า ท่านไม่สามารถตอบสนองความต้องการของทุกคนได้ในเวลาเดียวกัน แต่ท่านต้องดูว่าลูกค้าส่วนใหญ่ คิดเช่นนั้นหรือไม่ ถ้าไม่ ท่านอย่าเสียเวลาเสียใจจนทำให้ไฟในตัวท่านมอดลง เพราะบางครั้งอาจจะเป็นความเห็นของคู่แข่ง ผู้คิดไม่หวังดี หรือกลุ่มที่ต้องการผสมโรงโดยที่ยังไม่เคยใช้บริการของท่าน ต้องการให้ท่านปั่นป่วน ไขว้เขว ก็เป็นได้ แต่สำหรับความคิดเห็นที่ท่านเห็นว่าเป็นข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นจริง ท่านต้องยอมรับ นำมาแก้ไขทันที และแจ้งกลับไปยังเจ้าของความคิดเห็นนั้น ว่าได้ปรับปรุง แก้ไขแล้ว และได้ผลดังนี้ ดังนั้นจากความคิดเห็นในแง่ลบนั้นก็สามารถทำให้ท่านเกิดการพัฒนา ปรับปรุง ให้ดีขึ้นได้ตามที่ลูกค้าหลักของท่านคาดหวังได้เช่นกัน
จากตัวอย่างข้างต้นที่ผมได้นำเสนอ หวังว่าจะสามารถสร้าง Idea และแรงบันดาลใจ ให้ท่านผู้อ่านได้นำไปต่อยอดธุรกิจของท่านได้ เพียงแค่ท่านนำไปคิดต่อ จัดเตรียมข้อมูล วางแผน เชื่อมโยง เครื่องมือต่างๆ ใน Social Media ให้เหมาะสมกับธุรกิจของท่าน แล้วลงมือปฏิบัติทันที เพียงเท่านี้ ท่านก็จะพบว่า เมื่อ Social Media เกื้อหนุนกัน จะช่วยให้ธุรกิจของท่านอยู่ในสายตาลูกค้ามากขึ้น สามารถสร้างรายได้ให้ท่านได้อย่างมหาศาลแบบที่ท่านคิดไม่ถึง ขอเพียงแค่คิดแล้วต้องลงมือทำทันที อย่ารอเวลา!!!